Contextual Marketing กลยุทธ์การตลาดที่คว้าใจลูกค้าได้ทันต่อสถานการณ์

Picture of THAITOPSEO
THAITOPSEO
Contextual Marketing กลยุทธ์การตลาดที่คว้าใจลูกค้าได้ทันต่อสถานการณ์

ในโลกที่การสื่อสารกลายเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว การตลาดแบบบริบทหรือ Contextual Marketing กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถคว้าใจลูกค้าได้อย่างเฉียบขาด ซึ่งการตลาดแบบนี้ไม่เพียงแต่เน้นที่การนำสินค้าหรือบริการเข้าไปอยู่ในจุดที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังเน้นไปที่การส่งในบริบทที่เหมาะสม ทั้งเวลา, สถานที่, และสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นการสะกิดหรือดึงดูดให้ผู้บริโภคได้เต็มใจที่จะใช้บริการของเราได้มากกว่าเดิม

โดยบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจหลักการพื้นฐานของการตลาดแบบบริบท พร้อมแนวทางการใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสังเกตและปรับตัวรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าแม้แต่แคมเปญใหญ่ ๆ ก็ล้วนแล้วแต่ใช้กลยุทธ์นี้เช่นกัน นี่คือเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยทีเดียว

หลักการที่สำคัญของ Contextual Marketing คืออะไร

หลักการที่สำคัญของ Contextual Marketing คืออะไร

การตลาดแบบบริบทหรือ Contextual Marketing จัดเป็นกลยุทธ์ที่เน้นการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับลูกค้า โดยหากเราได้ลองพิจารณาจากบริบทของแต่ละบุคคล ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง เช่น พฤติกรรมการใช้งาน, ตำแหน่งที่ตั้ง, และเวลา ให้คุณลองจินตนาการว่า หากคุณอยู่ในเมืองที่รู้สึกร้อนมาก ๆ คุณคงไม่อยากดื่มน้ำอุ่นถูกต้องไหมครับ ซึ่งหากเป็นน้ำเย็นหรือน้ำที่รู้สึกสดชื่นก็จะมีโอกาสที่คุณจะเลือกดื่มได้มากกว่า แต่ในทางกลับกันหากวันไหนที่อากาศหนาวเย็น ก็เป็นไปได้ว่าผู้คนมักจะดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ มากกว่าโดยอาจทำให้วันนั้นเมนูโกโก้ร้อนอาจขายดีเป็นพิเศษ

นี่คือตัวอย่างง่าย ๆ ของการตลาดที่อิงบริบทซึ่งบอกเราว่าอะไรก็ตามที่จะขายได้ดีอาจเกิดจากการที่เราเลือกหยิบมันไปไว้ให้ถูกที่ถูกทาง เพื่อที่จะกระตุ้นให้ผู้คนสนใจและเลือกใช้ได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงลูกค้าในเวลาที่เหมาะสม การสร้างเนื้อหา Content ที่มีส่วนในการกระตุ้นความสนใจของผู้คนได้ในขณะนั้น ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์ส่วนบุคคล ที่ไม่เพียงแต่การเน้นการขายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างการจดจำที่ดีให้กับลูกค้า โดยทั้งหมดเราสามารถทำได้ผ่านการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็น Big Data หรือ AI

ประโยชน์ของ Contextual Marketing ที่จะทำให้ธุรกิจคุณได้ฉายแสง

ประโยชน์ของ Contextual Marketing ที่จะทำให้ธุรกิจคุณได้ฉายแสง

Contextual Marketing หรือการตลาดแบบบริบท เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือวิเศษที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นและเข้าถึงใจลูกค้าได้ง่ายขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่ามันต้องอาศัยการสังเกตและการเฝ้าดูสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อให้ Content ที่เราสร้างมีความสมบูรณ์ที่สุด โดยประโยชน์ที่เราสามารถเห็นได้จากการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดแบบบริบทก็จะมีดังนี้

เข้าถึงใจลูกค้าได้ตรงจุด

จุดเด่นของกลยุทธ์การตลาดแบบบริบท คือการใช้ข้อมูลพฤติกรรม, สถานที่ตั้ง, เวลา, หรือเหตุการณ์เฉพาะของลูกค้า เพื่อนำเสนอเนื้อหาหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น หากคุณเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ขายอุปกรณ์กีฬา และให้ความสนใจกับอุปกรณ์ว่ายน้ำ การตลาดแบบบริบทจะทำให้คุณเห็นโฆษณาหรืออีเมลที่เกี่ยวข้องกับสินค้าว่ายน้ำเป็นหลัก หรือหากคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น คุณอาจได้รับข้อเสนอสำหรับเสื้อผ้ากันหนาวหรือเครื่องทำความร้อน โดยการตลาดด้วยวิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับความสนใจเป็นพิเศษ แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการซื้อจากการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาโดยตรงที่จะมีส่วนทำให้พวกเขา “ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น”

สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

การนำเสนอสิ่งที่เฉพาะเจาะจงไปยังแต่ละลูกค้าแต่ล่ะคนจะช่วยสร้างความรู้สึกพิเศษและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า(ซึ่งอาจแพร่ไปยังผู้อื่นด้วย) โดยการใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากพฤติกรรม ความสนใจ หรือประวัติการซื้อของพวกเขา เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้โดยตรง ตัวอย่างเช่น มีสายการบินแห่งหนึ่งให้ลูกค้าเลือกของขวัญในเทศกาลคริสต์มาส โดยเป็นของที่ตัวเองอยากได้ จากนั้นพวกเขาจะทำการสั่งของขวัญที่ผู้คนเลือกไว้ เพื่อไปมอบให้ที่สนามบินปลายทางโดยการเซอร์ไพร์เป็นของขวัญ ซึ่งในแคมเปญนี้ก็ได้สร้างความประทับใจให้ลูกค้าทำให้สายการบินทำยอดกำไรได้มหาศาลกว่าเดิมในช่วงเทศกาลนี้ของทุกปีเพราะลูกค้าก็หวังว่าอยากจะเป็นคนโชคดีที่ได้ของขวัญแบบนี้บ้าง ซึ่งการตลาดที่เน้นประสบการณ์ส่วนบุคคลแบบนี้จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าธุรกิจเข้าใจและใส่ใจในความชอบของพวกเขา ซึ่งนำไปสู่ความภักดีและการกลับมาใช้บริการในอนาคต

เพิ่ม Conversion และสร้างโอกาสในการขาย

อย่างที่บอกว่าการตลาดแบบบริบท มักสร้างการสะกิดใจทำให้โอกาสในการตัดสินใจซื้อสูงขึ้น ได้มากทีเดียว เช่น หากลูกค้ากำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นบนเว็บไซต์ของคุณ ก็อาจเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น แพ็คเกจทัวร์ที่หลากหลาย ที่พักที่เหมาะสม หรือแม้กระทั่งข้อเสนอพิเศษสำหรับการเดินทาง การนำเสนอข้อมูลที่ตรงกับความสนใจของพวกเขาอย่างนี้ จะเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากธุรกิจของคุณได้ดีทีเดียว

นอกจากนี้ หากคุณมีระบบที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อและความสนใจของลูกค้าแต่ละคน คุณก็สามารถส่งโปรโมชั่นหรือข้อเสนอที่เฉพาะเจาะจงไปยังพวกเขาได้เลยทันที ซึ่งวิธีการดังกล่าวเมื่อใช้ข้อมูลเฉพาะประกอบเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำแล้ว มันจะทำให้เราสามารถเพิ่มโอกาสในการขายรวมถึง conversion ได้อย่างมหาศาล

ประหยัดเวลาและทรัพยากร

การใช้กลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่สิ้นเปลืองทรัพยากรและเวลานับเป็นสิ่งที่จำเป็น หากคุณใช้กลยุทธ์นี้อย่างถูกต้อง มันเสริมให้คุณได้เข้าใจลูกค้าเพื่อสร้างแคมเปญหรือข้อเสนอที่เฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม ทั้งยังช่วยลดความพยายามในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าที่อาจไม่สนใจในสินค้าที่เรานำเสนอ ลองนึกภาพว่าหากเราต้องใช้งบทำการตลาดแล้วตีเป็นรายบุคคล คุณคงอยากได้คนที่สนใจสินค้าของคุณจริงๆ และตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

ไม่ผิดเลยหากคุณอยากขายกาแฟให้กับคนที่ไม่ดื่มกาแฟ แต่ยอดขายจะพอใจคุณหรือไม่อาจนับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ฉะนั้นหากคุณอยากได้วิธีการที่ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรที่อาจเสียไปกับการทำการตลาด การเลือกผู้บริโภคที่คาดว่าจะตอบโจทย์เราที่สุดอาจเป็นเรื่องที่พลาดไปไม่ได้

เราจะเริ่มใช้ Contextual Marketing ได้อย่างไร

เราจะเริ่มใช้  Contextual Marketing ได้อย่างไร

การเริ่มต้นใช้ Contextual Marketing หรือการตลาดแบบบริบทในธุรกิจของคุณนั้นสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้

1.วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า

เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า เช่น ประวัติการซื้อ, พฤติกรรมการเรียกดูเว็บไซต์, ข้อมูลประชากรศาสตร์ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าของคุณได้ดียิ่งขึ้น หรือในอีกกรณีคุณอาจใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวตัดสินได้ว่าลูกค้าของคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบใดโดยพิจารณาจาก

  • ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์และความถี่
  • ความสนใจและงานอดิเรก
  • ข้อมูลด้านการเงินหรือรายได้
  • การตอบสนองต่อโปรโมชั่นก่อนหน้า
  • ประเภทของอุปกรณ์ที่ใช้เข้าถึง
  • ประวัติการใช้งานบนโซเชียลมีเดีย
  • ช่วงเวลาที่ลูกค้ามักใช้ในเรื่องต่าง ๆ
  • ช่องทางการสื่อสาร
  • สภาพอากาศ
  • วัฒนธรรม

2.กำหนดกลุ่มเป้าหมาย

พยายามกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการจะเข้าถึง พิจารณาว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณมีความสนใจหรือความต้องการเฉพาะอย่างไร การรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรตอนไหนและมี insights แบบใดต่อเรื่องต่าง ๆ จะทำให้เราได้เปรียบในเรื่องของการนำเสนอได้มากยิ่งขึ้น

3.ข้อเสนอที่เฉพาะเจาะจง และใช้งานได้จริง

ลูกค้าบางกลุ่มอาจไม่ได้อยากได้ “สิ่งที่เราคิดว่าพวกเขาอยากได้” ดังนั้นการพยายามหาข้อเสนอที่ตอบโจทย์และเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการใช้โปรโมชั่นใด ๆ ก็ตามขอให้มั่นใจว่ามันจำเป็นที่จะต้องตรงกับความต้องการได้อย่างสร้างสรรค์ และคิดว่าลูกค้าจะใช้ได้จริง ๆ ซึ่งจะไม่มีประโยชน์เลยหากคุณคิดแคมเปญที่น่าสนใจได้แต่ไม่กระตุ้นยอดการซื้อขาย

4.เลือกช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม

ใช้ช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เช่น อีเมล, โซเชียลมีเดีย, โฆษณาออนไลน์ การรู้ว่าในขณะนั้นสื่อช่องทางใดมีวิธีการทำงานอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ และอย่าลืมว่าควรใช้ Call to Action (CTA) เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าทำตามสิ่งที่เราคิดไว้ด้วยเสมอ

5.วิเคราะห์และปรับใช้ข้อมูล

ใช้ข้อมูลที่ได้จากแคมเปญเพื่อปรับปรุงการตลาดและเข้าใจลูกค้าของคุณได้ดียิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้อาจไม่ต่างจากการ เริ่มทดลองแคมเปญและติดตามผลลัพธ์ การเก็บข้อมูลการตอบสนองของลูกค้าจะเป็นข้อมูลที่บ่งบอกเราได้เป็นอย่างดีว่าผลทางการตลาดของเราเป็นอย่างไร จำไว้เสมอว่าไม่มีอะไรการันตีความสำเร็จในทุกแคมเปญ เพราะไม่ว่าคุณจะตรวจสอบความเป็นไปได้ทางด้านของการตลาดมามากแค่ไหน แต่ก็ยังอาจพบจุดบอดบางอย่างที่มองข้ามไปได้เช่นกัน หรือมากกว่านั้นคืออาจพบกับสถานการณ์ตรงหน้าที่มีรูปแบบบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปต่อการทำการตลาดของเรา ฉะนั้นการเก็บข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างมาก หากเรามีข้อมูลที่แม่นยำ เที่ยงตรง และ Real-time ก็อาจทำให้การใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงบริบทเป็นไปได้ด้วยดี

Contextual Marketing กับความคิดสร้างสรรค์ คือสิ่งที่อาจเปลี่ยนธุรกิจคุณไปตลอดกาล

Contextual Marketing กับความคิดสร้างสรรค์ คือสิ่งที่อาจเปลี่ยนธุรกิจคุณไปตลอดกาล

Contextual Marketing ที่ดีจำเป็นต้องมาพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์ การนำแนวทางการตลาดที่ตรงจุดมาผสมผสานให้เกิดความน่าจดจำเรียกได้ว่าแทบจะต้องใช้ประสบการณ์อย่างมากในการผลิตแคมเปญสักหนึ่งชิ้น บอกได้เลยว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครสักคนจะทำได้ ซึ่งการตลาดแบบนี้มักเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อนำเสนอเนื้อหาหรือโปรโมชั่นที่ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่ยังน่าดึงดูดและแตกต่าง

มีรายละเอียดมากมายที่เราบอกได้ว่าการตลาดที่เน้นบริบทแทบจะไม่มีขอบเขตเลยเพราะมันสามารถเป็นอะไรก็ได้ตราบเท่าที่เราจะนึกถึงไม่ว่าจะเป็น ฝนตก แดดออก พายุถล่ม แผ่นดินไหว ทุกสถานการณ์มักจะมีสินค้าหรือบริการบางประเภทที่ตอบสนองกับเรื่องราวเหล่านั้นได้เสมอ อยู่ที่ว่าธุรกิจจะมองเห็นถึงโอกาสได้มากแค่ไหน เพื่อที่จะเข้าใจและหยิบผลิตภัณฑ์ของตัวเองไปไว้ในจุดที่ถูกต้อง

Search
Categories