Search Generative Experience (SGE) คืออะไร มารู้จักการค้นหาแบบใหม่ของ Google

Picture of THAITOPSEO
THAITOPSEO

ในยุคที่ข้อมูลมีความสำคัญ และมีจำนวนมหาศาลตามโลกอินเทอร์เน็ต พร้อมกับ Google เครื่องมือค้นหาข้อมูลที่ได้รับความนิยมที่สุด ที่มีข้อมูลที่หลากหลายพร้อมให้ผู้ใช้งานได้ค้นหาตามต้องการ แต่การค้นหาแบบปกติเดิม ๆ ที่ต้องไล่ดูตามหน้าเว็บคงเป็นเรื่องน่าเบื่อไปแล้วสำหรับคนยุคใหม่ ดังนั้น Google จึงได้นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า “Search Generative Experience” หรือ SGE ฟีเจอร์การค้นหาข้อมูลที่จะมาปฏิวัติวิธีการค้นหาบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งในบทความครั้งนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับฟีเจอร์การค้นหาใหม่ของ Google อันนี้กันว่าคืออะไร แล้วทำไมเราถึงควรต้องรู้จักเอาไว้

Search generative experience หรือ SGE คืออะไร?

Search generative experience หรือ SGE คืออะไร?

Search Generative Experience หรือ SGE คือ ฟีเจอร์การค้นหารูปแบบใหม่จากทาง Google ที่ใช้เทคโนโลยี AI (Generative AI) มาใช้ในการตอบคำถามของผู้ใช้งานบนหน้า Google Search ในลักษณะการพูดคุยโต้ตอบแบบบทสนทนา โดยตัวฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาและได้รับข้อมูล และคำตอบที่ต้องการได้อย่างครบถ้วนในหน้าเดียว โดยไม่ต้องผ่านการเข้าไปอ่านเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์แต่อย่างใด ข้อมูลที่ทาง Google’s SGE จะนำเสนอในช่องบทสนทนาจะเป็นข้อมูลสำคัญ เช่น รูปภาพ, วิดีโอ, เว็บไซต์ที่อ้างอิงถึง, เนื้อหาข้อมูลอื่น ๆ พร้อมแนะนำคำถามที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ Google’s SGE ยังมีฟีเจอร์ “Ask a follow up” ที่ผู้ใช้งานสามารถสอบถามคำถามเพิ่มเติมได้ง่ายกว่าเดิม ระบบจะทำการตอบกลับด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ เสมือนได้คุยกับคนด้วยกันเอง แต่อย่างไรก็ตามฟีเจอร์ถามนี้ยังไม่สามารถตอบเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ, การเงิน หรือการใช้ชีวิตได้มากนัก (หรืออาจจะไม่ทำงานเลย) เนื่องจากหัวข้อเหล่านี้เป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน และค่อนข้างต้องใช้ประสบการณ์ของมนุษย์ด้วยกันเองเท่านั้นถึงจะอ้างอิงได้

หลักการทำงานของ Search generative experience เป็นอย่างไร?

หลักการทำงานของ Search generative experience เป็นอย่างไร

ตัว Search Generative experience (SGE) เป็นฟีเจอร์การค้นหาข้อมูลอัจฉริยะที่ทำให้ผู้ใช้งานได้ข้อมูลที่ต้องการผ่านการใช้เทคโนโลยี AI สามประเภทหลักด้วยกันได้แก่

  • LLM (Large Language Model): แบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ที่สามารถประมวลผลและเข้าใจภาษาของมนุษย์ได้ในระดับสูง ถูกฝึกฝนและออกแบบด้วยข้อมูลขนาดใหญ่มามากกว่า 100 ภาษา เพื่อทำความเข้าใจและตอบสนองต่อคำถามหรือคำค้นหาของผู้ใช้งาน (User)
  • MUM (Multitask Unified Model): MUM เป็นระบบ AI ที่สามารถทำหน้าที่ได้หลายอย่างในเวลาเดียว ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งและหลายรูปแบบ ทั้งข้อความ, ภาพ, และวิดีโอ ซึ่งทำให้สามารถแสดงข้อมูลที่หลากหลายและเชื่อมโยงข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ครบถ้วนและลึกซึ้ง
  • PaLM2: เทคโนโลยี AI ที่ล้ำหน้า ซึ่งเน้นไปที่การประมวลผลภาษาและเรียนรู้ได้อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ PaLM2 ยังสามารถทำความเข้าใจบริบทและความหมายของคำถามได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ฟีเจอร์ SGE สามารถสร้างคำตอบที่ดูเป็นธรรมชาติ และตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน

ด้วยการผสานระหว่างเทคโนโลยี AI สามประเภทนี้ จึงทำให้ Google’s SGE สามารถนำเสนอการค้นหาที่แปลกใหม่ และไม่ได้แค่แม่นยำเท่านั้น แต่ยังมีความครบถ้วนในส่วนของเนื้อหาที่จะทำให้ผู้ใช้งานได้ข้อมูลตรงกับที่ต้องการในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติที่สุด

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Google’s SGE

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Google’s SGE

ด้วยเทคโนโลยี AI ที่หลากหลาย และมาผสมผสานทำงานร่วมกัน ทำให้ตัว Google’s SGE สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถามหรือค้นหา พร้อมได้คำตอบในสิ่งที่ต้องการแบบครบจบในหน้าเดียว นอกจากนี้เมื่อเจาะลึกเข้าไปยังการทำงานของ Googel’s SGE จะพบว่ายังมีฟีเจอร์ย่อยที่น่าสนใจที่ผู้ใช้งานต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน

1.AI-powered snapshots

AI-powered snapshots เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ของ Google’s SGE ที่ทำให้หน้าผลลัพธ์การค้นหาแสดงอยู่ด้านบนสุด พร้อมแสดงข้อมูล และคำตอบที่หลากหลายของคำค้นหาหลัก พร้อมทั้งมีแหล่งอ้างอิงข้อมูลเว็บไซต์ต่าง ๆ มาให้ด้วย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปตามอ่านข้อมูลเพิ่มเติมแต่ละเว็บได้อย่างรวดเร็ว

2.Advertisement

แม้กระทั่ง Google’s SGE ก็ยังมีตัวโฆษณา (Advertisement) ด้วยเช่นกัน ลักษณะจะเหมือนกับตัวโฆษณาของ Google Ads ทั่วไป แต่จะมีการแสดงข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ตัวโฆษณานั้นสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ค้นหาได้ ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่อาจจะเป็นลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

3.Creativity

Google’s SGE ไม่ได้มีเพียงแค่รูปแบบการค้นหาใหม่ ที่ได้ข้อมูลและคำตอบที่รวดเร็วเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยออกไอเดียหรือหัวข้อที่สร้างสรรค์เกี่ยวกับคำค้นหาหลัก (Keyword) ผ่านเทคโนโลยี AI ที่เรียนรู้และพร้อมมอบคำตอบที่ดีที่สุด โดยเฉพาะงานเขียนหรือวิธีการต่าง ๆ ด้วยสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้สร้างสรรค์ Content ประหยัดเวลาทำงานในส่วนนี้ไปได้เยอะเลยทีเดียว

4.Vertical experience

Vertical experience นับเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างมาก สำหรับภาคธุรกิจ หรือธุรกิจที่มีการทำ Local SEO เพราะสามารถแสดงผลการค้นหาในแต่ละครั้ง พร้อมข้อมูลเชิงลึกหรือผลิตภัณฑ์ได้อย่างมากขึ้น ผ่านเทคโนโลยี AI ที่ประมวลผลมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ภาพสินค้า, คำอธิบายสินค้า, ราคา, คะแนนรีวิว ฯลฯ ทำให้ผู้ใช้งานค้นหาสามารถพิจารณาและตัดสินใจซื้อได้เร็วมากขึ้น ผ่านข้อมูลที่ครบถ้วนและตอบโจทย์

Google’s SGE ตอบโจทย์และมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานขนาดไหนกัน?

Google’s SGE ตอบโจทย์และมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานขนาดไหนกัน

Search generative experience หรือ SGE นับเป็นฟีเจอร์การค้นหาใหม่ของ Google ที่ตอบโจทย์การค้นหาข้อมูล หรือคำตอบที่ต้องการได้อย่างครบถ้วน ลึกซึ้ง ผ่านการประมวลผลของเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัย ทำให้เพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการค้นหาของผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์การค้นหาที่ง่าย และประหยัดเวลาในการค้นหา เพราะสามารถได้คำตอบแบบครบจบในหน้าเดียวได้เลย

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า Google’s SGE นั้นตอบโจทย์และมีประโยชน์กับผู้ใช้งานไปทุกด้านซะทีเดียว เนื่องจากการประมวลผลของ SGE นั้นอาจจะมีการนำเสนอข้อมูลที่อาจไม่ถูกต้อง หรือนำข้อมูลล้าสมัยมาแสดง ทำให้ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานที่ต้องการค้นหาข้อมูลที่สดใหม่ได้ไม่มากนัก รวมไปถึงการค้นหาหรือคำถามที่เกี่ยวกับหัวข้อ YMYL (Your Money Your Life) เรื่องเงินทอง, การลงทุน, สุขภาพ, การแพทย์ และประสบการณ์ต่าง ๆ ของมนุษย์เรา ตัว Google’s SGE นั้นยังไม่สามารถลงลึก และให้คำตอบเกี่ยวกับหัวข้อที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้ได้ดีมากพอด้วยเช่นกัน แต่คำถามหรือหัวข้อที่เกี่ยวกับ Information นั้น Google’s SGE จะตอบได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น รับทำ SEO คืออะไร, พลาสติกทำจากอะไร ฯลฯ

แล้ว Search generative experience จะส่งผลต่อการทำ SEO มากน้อยแค่ไหน?

แล้ว Search generative experience จะส่งผลต่อการทำ SEO มากน้อยแค่ไหน?

การมาของ Search Generative experience (SGE) ถูกตั้งคำถามอย่างมากในวงการ SEO ว่าจะส่งผลมากแค่ไหนกับการทำ SEO เพราะตัวฟีเจอร์ Google’s SGE นั้นสามารถแสดงข้อมูลและคำตอบของการค้นหาได้แบบครบจบในหน้าเดียว โดยที่ไม่ได้กดเข้าชมเว็บไซต์แต่อย่างใด แต่สิ่งอื่นที่ต้องเข้าใจก่อนเลย Google’s SGE ในตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่เวอร์ชันทดสอบที่อยู่แค่ประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ยังไม่ได้มีการเปิดใช้งานจริงให้กับผู้ใช้งานทั่วโลก

และตัว Google’s SGE นั้นถึงแม้จะมีการให้ข้อมูลแบบเชิงลึก และครบจบในหน้าเดียว แต่ในปัจจุบันคำตอบที่ได้จาก SGE อาจจะยังไม่ได้ครบถ้วน หรือยังมีข้อมูลที่ล้าสมัยหลงมาอยู่ในคำตอบด้วย รวมไปถึงข้อจำกัดที่ไม่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเรื่อง YMYL (Your Money Your Life) ทำให้สุดท้ายแล้วผู้ใช้งานที่ได้คำตอบหรือข้อมูลยังไม่ครบ ก็ต้องเลื่อนค้นหาและเข้าชมเว็บไซต์เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ครบอยู่ดี

จึงกล่าวได้ว่า SGE ตัวนี้อาจจะส่งผลต่อการทำ SEO ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ร้ายแรงมากนักซึ่งช่วงแรกอาจจะมีการลดค่า CTR ของแต่ละเว็บที่ทำ SEO ลงได้ เพราะ Google’s SGE มีคำตอบให้ครบจบในหน้าผลลัพธ์ค้นหา แต่การหาข้อมูลเชิงลึกให้ครบถ้วน หรือหัวข้อที่มีความละเอียดอ่อน (เช่น เรื่องการเงิน สุขภาพ การใช้ชีวิต) เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ค้นหา จะยังต้องมีการเลื่อนหรือเข้าชมหน้าเว็บไซต์อยู่ดี ซึ่งยังทำให้การทำ SEO ยังมีผลอยู่ด้วยเช่นกัน

สรุป Google’s SGE

Google’s Search generative experience หรือ SGE คือ ฟีเจอร์การค้นหาใหม่ที่พัฒนาโดยการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวดเร็ว และตรงความต้องการผ่านการประมวลผลของ AI สามประเภท คือ LLM, MUM และ PaLM2 ซึ่งทำให้ประสบการณ์การค้นหาของผู้ใช้งานนั้นดีมากยิ่งขึ้นได้ ผ่านคำตอบหรือข้อมูลที่ครบจบในหน้าเดียว แบบไม่ต้องเข้าชมเว็บไซต์

แต่ถึงกระนั้น Google’s SGE ในตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่เวอร์ชันทดสอบ ยังไม่ได้มีการเปิดใช้งานจริงให้กับผู้ใช้งานทั่วโลก จึงอาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบ หรือยังให้คำตอบได้แบบไม่ครบถ้วน ถ้าเมื่อไรก็ตามที่ Google’s SGE เปิดให้ใช้งานแบบทั่วไปและผู้ใช้งานสามารถค้นหากันได้แบบอิสระกันทุกคน คุณอาจจะได้รับประสบการณ์การค้นหาที่แปลกใหม่กว่าเดิมเลยก็ได้

Search
Categories