Keyword Density เป็นศัพท์เฉพาะของ SEO ที่มีมานานมากแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าเป็นความหนาแน่นของกลุ่มคำ ที่คุณต้องการให้แสดงอยู่บนหน้าเว็บไซต์ หรือเป็นเว็บไซต์ที่ทำ SEO โดย KW density จะต้องมีจำนวนที่เหมาะสมไม่สั้นไปและไม่ยาวเกินไปตามที่ Search Engine ได้ระบุไว้ ซึ่งถ้าจำนวนของคำหรือ KW density มีน้อยเกินไปอาจจะทำให้ search engine ไม่ทราบถึงวัตถุประสงค์ของหน้าเว็บไซต์คุณว่ามีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับอะไร
แต่ถ้าหากมีมากเกินไปก็อาจจะทำให้ Search engine มองว่าเป็น spam ได้เช่นกัน ดังนั้นเพราะแบบนี้คุณควรให้ความสำคัญและคำนึงด้วยว่าต้องใช้แบบไหนถึงจะมีความพอดีและเหมาะสมที่สุดที่จะอยู่บนหน้าเว็บไซต์ของคุณ
Keyword Density กับการทำ SEO
ในยุคแรก ๆ ของการที่เริ่มมี SEO และไม่ว่าจะไทยหรือต่างประเทศต่างก็ให้ความสำคัญกับ keyword density อย่างมาก จนมาถึงปัจจุบันนี้ในยุคของปี 2023 การทำ SEO ได้มีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป แน่นอนว่าการใช้ KW density ก็มีผลที่ดีกับ SEO มากขึ้นเช่นกัน
ในการทำ SEO ต้องมีการลงมือทำอย่างการสร้าง Link และ คำ keyword ต่าง ๆ หรือแม้แต่การสร้างบทความลงเว็บไซต์ของธุรกิจ โดยทุกอย่างจะมีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกัน รวมถึง ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ Search Engine นั้นคอยเฝ้าสังเกต และพยายามค้นหาว่า เว็บเรานั้นจะไปในทิศทางไหน โดยพยายามหาจากความหนาแน่นของกลุ่มคำนั่นเอง
ที่ Search Engine ให้ความสำคัญกับ KW density ก็เพราะว่า มันมักแฝงตัวอยู่ในหลายองค์ประกอบของหน้าเว็บของคุณ มันจะปรากฏอยู่ทั้งใน บทความ Blogs หรือ Pages เช่น โดยหากคุณมีเว็บไซต์ที่ทำ SEO ซึ่งประกอบไปด้วย Title Subtitle และทั้งหมดที่เหลือเป็นเนื้อหา (content) ทั้งหมดมีเนื้อหาอยู่ 200 คำ ถ้าคำค้นหา หรือ คีย์เวิร์ดสำคัญของคุณ ถูกพบได้ในจำนวน 6 ครั้ง ใน 200 คำนี้ เท่ากับว่าคุณมีการใช้ KW density ถึง 3%
หรือว่าในกรณีที่เนื้อหาทั้งหมดมี 600 คำขึ้นไป ควรมี KW density ไม่เกิน 5 % ถือว่าเริ่มเหมาะสมดีเลยทีเดียว แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าการที่คุณใช้เยอะได้เท่าไหร่นั้นยิ่งดี คุณเลยใส่ไปแบบเยอะที่สุดเท่าที่จะคิดได้ หรือคุณไม่มีการวางแผนถึงความเหมาะสมเลยในการใช้ และนั่นอาจทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกมองว่าเป็น spam ได้ จนในที่สุดก็จะเกิดขบวนการแบนเว็บไซต์ของคุณในทันที
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างมาก ที่คุณควรจะต้องทำความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องนี้ ยิ่งถ้าคุณต้องการที่จะทำควบคู่ไปกับ SEO ด้วยแล้วนั้นยิ่งต้องรู้มากขึ้น และทำให้การใช้ KW density กลมกลืนไปกับเนื้อหาอย่างเหมาะสมที่สุด
กฎของการทำ Keyword Density
การเขียนเนื้อหาที่ดีที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เหมาะสมและลงตัวกับการทำ SEO เพื่อเมื่อ Search engine ทำการค้นหาเนื้อหาในหน้าเว็บนั้น ๆ แล้วคุณก็ต้องการให้ Keyword ของเนื้อหาที่สร้างขึ้นมานั้นได้รับการพิจารณาจาก SEO โดยจะต้องมี KW density ไม่น้อยกว่า 2% ในเนื้อหา และต้องไม่มากกว่า 4% นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายวิธีที่จะทำให้คุณใช้ได้อย่างเหมาะสม ดังนี้
การเพิ่ม keyword density
หากธุรกิจของคุณ เป็นบริษัท รองเท้า คุณคงต้องการมี Keyword ประมาณว่า “รองเท้า / รองเท้าราคาถูก” หรือชื่อแบบอื่นที่จะทำให้ผู้สนใจเกี่ยวกับธุรกิจประเภทเดียวกับคุณค้นหามาเจอเว็บคุณเจอได้ง่าย ๆ ซึ่งเมื่อใครสักคน พิมพ์ ในกล่องค้นหาของ Google ว่า “รองเท้า” และ google ก็มองมายังเว็บของคุณเป็นที่แรก ๆ เพราะเนื้อหา หรือข้อความโฆษณาในหน้าเว็บของคุณมีจำนวน เพียงพอที่ google จะเชื่อว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีเนื้อหาหรือสินค้าของคุณมีคุณภาพที่ดีน่าเชื่อถือจริง ๆ และมากพอ ที่ google จะสามารถตอบสนองให้กับ User ได้ ดังนั้นคุณควรรู้จักวิธีการคิด KW density ให้มากขึ้น
วิธีการคำนวณทั้ง 2 แบบ
- คิดแบบทั้งเว็บไซต์ คือการค้นหาใน Google ด้วยคำว่า keywords density analyzer ได้ เพราะจะมีเว็บไซต์มากมายที่สามารถคำนวณ % keyword ของเว็บไซต์ของคุณได้เพียงแค่คุณใส่ URL ของเว็บ
- คิดแบบเฉพาะบทความ 1 บทความ หรือ ในหนึ่ง Page ซึ่งจะมีสมการของ keywords density เพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์ความหนาแน่นที่เหมาะสมเป็น คือ
(จำนวน keyword ที่เราสนใจ / จำนวนคำทั้งหมด) x100
ดังนั้นจำนวนที่มากที่สุดเท่าที่จะไม่ให้ Google แบน คือ หลังจากที่คุณได้มีการคำนวนหาค่าของสมการมาแล้ว ค่าของเปอร์เซ็นต์ความหนาแน่นที่เหมาะสมจะต้องมีประมาณ 12 – 20 % เป็นดีที่สุด
ปริมาณที่เหมาะสมของ Keyword กับเนื้อหา
ในการเขียนเนื้อหาให้เหมาะสมกับ SEO สิ่งหนึ่งที่มักจะเป็นปัญหาที่หลายคนสงสัย คือ ต้องเขียนเท่าไหร่ถึงจะพอดี หรือต้องเขียนให้มากหรือน้อยกันแน่และอื่น ๆ อีกมากมาย สิ่งที่จะตอบคำถามนี้ได้คือ keywords density หรือ ความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด ที่อยู่ในเว็บนั่นเอง
โดยทั้งจำนวนของคีย์เวิร์ดและจำนวนของคำที่นำมาใช้คิดนั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะคิดในส่วนไหน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของหัวข้อหรือในส่วนของเนื้อหาก็ตาม และที่ยากที่สุดคือการคิดในส่วนของเนื้อหา เพราะจะมีคำต่าง ๆ มากมาย
ปริมาณของคีย์เวิร์ดที่แนะนำให้ใช้จะอยู่ที่ประมาณ 6-20% โดยแบ่งเป็น 2 กรณีคือ
- กรณีเนื้อหาในหน้าเว็บมากเกิน 600 คำขึ้นไป ควรจะใช้งานไม่เกิน 10%
- กรณีเนื้อหาในหน้าเว็บมีน้อยกว่า 600 คำลงไป ก็ไม่ควรเกิน 20%
แต่จากเปอร์เซ็นต์ (%) ในที่ทั้งหมดนั้น ไม่ใช่เป็นการใส่ใน Keyword หลักอย่างเดียวเท่านั้น แต่ควรที่จะใส่พวก Long Tail Keyword เข้าไปผสมอยู่ด้วย เพื่อที่จะให้บทความของเรามีความหลากหลายนั่นเอง
ข้อควรระวังการในใช้ Keywords
การทำ SEO แบบเทคนิคที่ใช้ KW density นั้นต้องระวังให้ดีอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผลกระทบจะเกิดกับเว็บไซต์ของคุณในทันที แต่สำคัญที่สุดคือคุณห้ามใช้เทคนิคนี้ ในปริมาณมากหรือเป็นคำที่ซ้ำกันบ่อย ๆ เด็ดขาด เพราะ Google มีการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมบ่อยขึ้นและอาจส่งผลไม่ดีให้กับเว็บไซต์คุณได้ เช่นการโดน Spam เป็นต้น
และส่วนในเรื่องของเทคนิคอื่น ๆ คุณก็ต้องทำให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งเนื้อหาที่คุณให้มี keyword ที่คุณอยากให้ถูกค้นหาเจอได้ง่ายที่แสดงออกมาอย่างโดดเด่น รวมถึงยังมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณได้อย่างพอเหมาะพอดี สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นศาสตร์และศิลป์ ที่คุณต้องทำความเข้าใจอย่างระมัดระวังให้มากขึ้น ที่สำคัญคุณต้องเอาใจใส่กับเนื้อหาที่คุณได้สร้างมันขึ้นมาเสมอ
สรุป Keyword Density กับการทำ SEO
สุดท้ายนี้ keyword density ถือเป็นเรื่องที่ SEO ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราควรจะให้ความสนใจ ในเรื่องของความหนาแน่นของคำหลัก เพราะเป็นศัพท์ทางเทคนิค ที่ถูกนักทำ SEO ตั้งขึ้นมา ซึ่งความหมายของมันคือการกระจายตัวของ Keyword บนหน้าเว็บไซต์ของคุณ และความสนใจในเรื่องนี้ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสความสำเร็จให้การทำ SEO ได้