NFT คืออะไร และทำไมคนถึงสนใจกัน

Picture of THAITOPSEO
THAITOPSEO
NFT

ช่วงปี 2021-2022 ที่ผ่านมา คุณอาจจะได้เห็นข่าวในแวดวงธุรกิจดิจิทัลที่ชื่อว่า เหรียญคริปโต (Cryptocurrency) หรือในชื่อทุกคนคุ้นชิน Bitcoin ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงนั้นมูลค่าของเหรียญคริปโต หรือ Bitcoin มีมูลค่าสูงมาก จนมีมูลค่าหลักล้านหรือแสนต่อเหรียญเพียงเหรียญเดียว แน่นอนว่า เหรียญคริปโตหรือ Bitcoin เป็นสกุลเงินที่ถูกใช้ในแวดวงธุรกิจออนไลน์ การซื้อขายในโลกดิจิทัล ที่ทำให้สังคมเราเริ่มก้าวสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด

แต่อย่างไรก็ดี เมื่อมูลค่าเงินในโลกดิจิทัลเริ่มมีค่ามากขึ้น เริ่มมีหลายธุรกิจให้ความสนใจในการทำธุรกิจออนไลน์ที่ใช้จ่ายสกุลเงินแบบดิจิทัลอย่างเหรียญคริปโต และการเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ก็ได้ให้กำเนิดสิ่งที่เรียกว่า NFT หรือ Non-Fungible Token การซื้อขายในช่วงปี 2021-2022 นั้น ก็ได้สร้างมูลค่าหลักหลายล้านไว้ในโลกออนไลน์ และมีการพูดถึงกันอย่างแพร่หลายในหลายวงการ ไม่ว่าจะศิลปะ เกม จนถูกจับตามองอย่างมากในเรื่องการทำธุรกิจ

NFT คืออะไร

NFT หรือที่ย่อมาจากคำว่า Non-Fungible Token ซึ่งเป็นโทเค็นประเภทหนึ่งที่นำเทคโนโลยีอย่าง Blockchain มาใช้ ทำให้สามารถแสดงความเป็นเจ้าของในของชิ้นนั้นได้ นอกจากนี้มันยัง คือ สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่ง เช่นเดียวกับ คริปโตอย่าง Bitcoin และ Ethereum แต่ลักษณะโดดเด่นที่ทำให้เป็นโทเค็นดิจิทัลที่แตกต่างจากสกุลเงินดิจิทัลอย่างเหรียญคริปโต หรือ Bitcoin เลยก็คือ NFT ที่แต่ละชิ้นจะแตกต่างกัน ไม่สามารถทำซ้ำขึ้นมาได้ หรือทดแทนกันได้

คล้ายกับผลงานวาดภาพต้นฉบับที่จะมีชิ้นเดียวบนโลก หากมีการคัดลอกขึ้นมาจะสามารถระบุได้ทันทีว่าชิ้นไหนคือต้นฉบับ ด้วยเทคโนโลยี Blockchain หากให้อธิบายได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนว่าหนังสือของเรามีเพียงชิ้นเดียว เล่มเดียวที่เป็นของเรา แต่หากเพื่อนยืมหนังสือไปแล้ว ก็ไม่สามารถหาหนังสือเล่มอื่นที่เหมือนกันมาคืนแทนได้ ต้องเป็นเพียงเล่มเดียวกับที่ยืมไปเท่านั้น

หลักการทำงานของ Non-Fungible Token คือ ถ้าเรามีภาพถ่าย 1 ภาพ เราสามารถนำไปลงบนแพลตฟอร์มตลาด สำหรับทำ Non-Fungible Token ฯลฯ เพื่อทำให้ไฟล์ภาพนั้นกลายเป็น Non-Fungible Token แล้วลงขายในแพลตฟอร์ม เมื่อมีคนเข้ามายังแพลตฟอร์มดังกล่าว แล้วเห็นภาพของเราจนถูกใจ อยากซื้อเป็นของตัวเอง ก็สามารถซื้อได้ด้วยสกุลเงินดิจิทัลอย่างเหรียญคริปโต (Cryptocurrency) หรือที่เรียกกันว่า Bitcoin เท่านี้ภาพนั้นจะเป็นของผู้ซื้อ และมีการระบุตัวตนชัดเจนว่าใครเป็นเจ้าของอยู่ และผลงานชิ้นนี้มีชิ้นเดียวบนโลก

NFT แตกต่างจากเหรียญคริปโตหรือ Bitcoin อย่างไร

NFT แตกต่างจากเหรียญคริปโตหรือ Bitcoin อย่างไร


แน่นอนว่าทั้งสองอย่างไม่ว่าจะเป็น Non-Fungible Token หรือเหรียญคริปโต ก็นับเป็นสกุลเงินดิจิทัล แต่ข้อแตกต่างที่ชัดเจนเลยก็คือ Non-Fungible Token ไม่สามารถถูกทดแทนด้วยสิ่งอื่นใด ต่างกับเหรียญคริปโตที่ทดแทนได้ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน เปรียบเหรียญคริปโตเป็นเหมือนเหรียญ 10 บาท เมื่อมีการยืมไปใช้งาน เราสามารถหาเหรียญ 10 บาท หรือเหรียญอื่นที่มีมูลค่า 10 บาทมาแทนได้ แต่ในขณะที่ Non-Fungible Token ไม่สามารถถูกทดแทนสิ่งอื่นได้ ตัวอย่างเช่น หากมีใครยืมจานแก้วที่เปรียบเสมือน Non-Fungible Token ไปแล้ว ต้องคืนเป็นจานแก้วอันเดิมเท่านั้น ไม่สามารถหาจานแก้วอื่นที่มีลักษณะเหมือนกันมาคืนได้ นี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Non-Fungible Token ถูกจับตามองอย่างมาก เพราะมีความเป็นเอกลักษณ์ สามารถแสดงตัวตนของตัวเอง และเจ้าของได้อย่างชัดเจน

NFT ลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร

NFT ลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร


NFT ส่วนใหญ่กำกับด้วยเทคโนโลยีอย่าง Blockchain และถูกสร้างขึ้นบนเชนของ Ethereum ซึ่งสินทรัพย์ที่สามารถนำมาทำเป็น Non-Fungible Token ได้นั้นมีหลากหลายประเภทมาก ไม่ว่าจะเป็น ภาพถ่าย, ภาพวาด, ไฟล์เสียง, ของสะสม, การ์ดเกม, ไอเทมในเกม ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองทำให้หลายวงการหันมาสนใจในการทำ Non-Fungible Token นอกจากนี้ยังมีความเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนสกุลเงินดิจิทัลไหน ๆ อีกด้วย โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้

  1. Unique
    ข้อมูลต่าง ๆ ของ Non-Fungible Token ในแต่ละชิ้นจะระบุลักษณะเฉพาะเอาไว้ ซึ่งจะไม่มีทางเหมือนชิ้นไหน และไม่มีชิ้นไหนเหมือน คล้ายกับการประกาศความเป็นต้นฉบับของแต่ละชิ้น

  2. Rare
    แม้ว่าเจ้าของนักสะสมจะสามารถผลิต Non-Fungible Token ได้แบบไม่มีจำกัด แต่ส่วนใหญ่แล้วงานชิ้น Non-Fungible Token ที่มีชื่อเสียงดังจะมีการถูกกำหนดจำนวนเอาไว้แล้ว ยิ่งมีจำนวนจำกัดเท่าไร เมื่อเกิดความต้องการมากขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้นตามเอง

  3. Indivisible
    ความเป็นเอกลักษณะโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ก็คือการไม่สามารถแบ่งซื้อขายเป็นหน่วยย่อยได้ เหมือนเหล่าเหรียญคริปโต หรือ Bitcoin ต้องซื้อและครอบครองเต็มจำนวนเท่านั้น

วงการของ NFT ที่น่าจับตามอง

วงการของ NFT ที่น่าจับตามอง


อย่างที่เรารู้กันดีว่าวงการนี้มีการเติบโตค่อนข้างมาก อีกทั้งยังมีอีกหลายอย่างให้จับตามอง และนี่คือตัวอย่างที่เราหยิบมาให้คุณได้ดูกัน

  1. วงการเกม
    ถือเป็นวงการแรก ๆ ที่เข้ามาร่วมในวงการ Non-Fungible Token เนื่องจากตลาดมีความคล่องตัว และมีเทคโนโลยีรวมถึงทีมพัฒนาที่รองรับในส่วนนี้อยู่แล้ว โดยเกม Non-Fungible Token ที่เรารู้จักกันดัง ๆ เช่น เกม Axie Infinity เกม The Sandbox หรือจะเป็นเกม Illuvium ซึ่งเกมเหล่านี้จะใช้โมเดลเกม Play to Earn คือ เล่นเกมแล้วได้ผลตอบแทน ทำให้ได้รับความสนใจมากขึ้น รวมไปถึงตัวเกมแต่ละเกม จะมีการสร้าง Non-Fungible Token ของตัวเอง ซึ่งสามารถนำไปซื้อขายแลกเปลี่ยนเพื่อทำกำไรได้

  2. วงการแฟชั่น
    ในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมา วงการแฟชั่นก็ได้มีแบรนด์ชั้นนำมากมาย เข้าร่วมวงสร้าง Non-Fungible Token แฟชั่นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton ที่ได้มีการเปิดตัวเกม Louis the Game โดยภายในเกมจะให้ผู้เล่นผจญภัยเพื่อเก็บ Non-Fungible Token ได้ หรือจะเป็นทางแบรนด์ Gucci ที่ได้เปิดตัวภาพยนตร์สร้าง 4 นาทีและแปลงเป็น Non-Fungible Token ก่อนจะขายออกไปได้กว่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

  3. วงการกีฬา
    มาต่อกันที่วงการกีฬา เรียกได้ว่ามีข่าวการเข้ามาร่วม Non-Fungible Token ในหลากหลายแง่มุม แต่ที่โด่งดังมาก ๆ สำหรับ Non-Fungible Token กีฬาก็คือ NBA Top Shot ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย Non-Fungible Token ทุกรูปแบบที่เกี่ยวกับ NBA โดย Non-Fungible Token ชื่อดังจากแพลตฟอร์มดังกล่าวคือ เป็นวิดีโอสั้นที่ชื่อว่า Lebron James dunk นั่นเอง

  4. วงการศิลปะ
    Non-Fungible Token Art คือ งานศิลปะที่อยู่ในรูปของโทเค็น Non-Fungible Token ซึ่งรวมไปถึงงานศิลปะทุกแขนงไม่ได้จำกัดอยู่ที่ภาพวาดอย่างเดียว รวมไปถึงภาพถ่าย วิดีโอ ซึ่งปัจจุบันมีรูปราคาแพงที่สุดคือ ผลงานที่ชื่อว่า Everydays-The first 5000 Day ของศิลปินนามว่า Beeple ราคาขายตีเป็นเงินไทยราว 2,204 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีงาน NFT Art ดังอีกมากมาย ทั้ง CryptoPunk ซึ่งเป็นภาพคาแรกเตอร์ที่สร้างจากพิกเซล มีจำกัดที่ 10,000 ชิ้น หรือจะเป็น Bored Ape Yacht Club รูปลิงที่มีเอกลักษณ์

ทำไม NFT ถึงถูกจับตามองในแวดวงธุรกิจ

ทำไม NFT ถึงถูกจับตามองในแวดวงธุรกิจ


อย่างที่เกริ่นนำไปในตอนต้นแล้วว่าช่วงปี 2021-2022 ที่ผ่านมา การเติบโตของเหรียญคริปโต หรือที่เรียกกันว่า Bitcoin นั้นทำให้มีมูลค่าที่สูงมากในโลกออนไลน์ เมื่อเหล่าสกุลเงินดิจิทัลมีมูลค่าสูง การลงทุนให้ได้เหรียญคริปโต ก็ย่อมต้องคุ้มค่า และเป็นหนึ่งในทางเลือกที่จะได้เหล่าเงินดิจิทัลนี้มา นอกจากนี้ยังมีความเอกลักษณ์และชัดเจนในตัวเองของมัน ด้วยเทคโนโลยีอย่าง Blockchain ที่ทำให้ Non-Fungible Token เป็นเหมือนของที่มีลิขสิทธิ์ในตัว มีความสามารถการโอนซื้อขายได้ง่าย แสดงความเป็นเจ้าของได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังแสดงว่า Non-Fungible Token แต่ละชิ้นมีได้เพียงชิ้นเดียวบนโลก นอกจากนี้ก็มีด้วยกันหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น ในวงการศิลปะ ภาพวาด, เกม, และแฟชั่น อย่างไรก็ดีมูลค่าของ Non-Fungible Token นั้นแปรเปลี่ยนไปตามความนิยม หรือกระแสของผู้คน เหมือนเศรษฐกิจทั่วไป แต่ต่อให้มูลค่าเปลี่ยนไปอย่างไร ในช่วงปี 2021-2022 นั้นมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลยังคงมีมูลค่าที่สูงอย่างมาก และการซื้อขาย Non-Fungible Token ก็ซื้อได้แค่เหล่าสกุลเงินดิจิทัล จึงทำให้ยังคงมีมูลค่าที่สูงอยู่ดี

มูลค่าของเหรียญคริปโต หรือ Bitcoin ก็มีการเปลี่ยนแปลงในขาลง ทำให้ปี 2023 นี้เหรียญมีมูลค่าที่น้อยลง และเมื่อมูลค่าเหรียญที่ลดลงไป ย่อมทำให้มูลค่าของ Non-Fungible Token ลดลงตามไปด้วยเช่นกัน ถึงกระนั้นมูลค่าของทั้งเหรียญคริปโต หรือ Bitcoin และ NFT ยังถูกจับตามองอยู่ดี เพราะถ้ามีช่วงขาลง ก็ต้องมีช่วงขาขึ้นด้วยเช่นกัน และไหนจะการมาของ Metaverse (สามารถอ่านบทความ Metaverse คืออะไร ได้ที่นี่) ที่อาจจะพลิกให้วงการสกุลเงินดิจิทัลกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นการลงทุน Non-Fungible Token อาจเป็นอีกหนึ่งที่ต้องพิจารณาความเสี่ยงให้ดีก็ว่าได้

ปัจจัยที่ส่งผลต่อมูลค่า NFT

เราเห็นได้ว่าผลงาน Non-Fungible Token หลาย ๆ ชิ้นมีมูลค่าสูงมาก ไม่ใช่แค่หลักล้านแต่บางชิ้นมีมูลค่าถึง ร้อยล้านพันล้านเลยทีเดียว ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาก็มีหลายปัจจัยด้วยกัน หลักคือ บุคคลที่มีชื่อเสียงมีการโพสต์บนโซเชียลถึงงานที่ถือครอง ทำให้เกิดกระแสความนิยมมากขึ้น

นอกจากนี้ที่มาของผลงานก็ทำให้ Non-Fungible Token ชิ้นนั้น ๆ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น อย่างผลงานของ Beeple เป็นการนำภาพวาด 5,000 ชิ้นจากตลอด 13 ปีที่ผ่านมา เรียบเรียงออกมาเป็น Non-Fungible Token ภาพเดียว จำนวนที่จำกัดของชิ้นงานในคอลเลกชันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยให้ตัวมันเองมีราคาที่สูงขึ้น อย่าง CryptoPunk ที่จำกัดอยู่ที่ 10,000 รูป หรือจะเป็น MetaWarden NFT ที่จำกัดอยู่ที่ 3,000 ชิ้น

Non-Fungible Token กับประโยชน์เฉพาะตัว

เรียกได้ว่า Non-Fungible Token เป็นตัวกลางที่มีประโยชน์ต่อตัวผู้ซื้อ และผู้ขายผลงาน เพราะนอกจากจะทำให้การซื้อขายของสะสม งานศิลปะ หรือของหายากอื่น ๆ เกิดขึ้นบนโลกดิจิทัลได้อย่างง่ายดายแล้ว ยังเป็นทางเลือกใหม่ของการลงทุนซื้อขายที่สำคัญหากมองในเรื่องต้นทุนและความปลอดภัย การเก็บรักษาแล้วนั้น การครอบครองของในรูปแบบดิจิทัล Non-Fungible Token เป็นตัวเลือกให้เหล่านักลงทุน / นักสะสมด้วยเช่นกัน เราเจาะจุดประโยชน์เฉพาะตัวของ Non-Fungible Token มาให้เห็นกันเลย

  1. ระบุความเป็นเจ้าของได้
    อย่างที่รู้กันไปแล้วว่า Non-Fungible Token เป็นสิ่งของที่มีเทคโนโลยีอย่าง Blockchain อยู่เบื้องหลังและคอยกำกับความเป็นเจ้าของ นอกจากนี้ Non-Fungible Token 1 ชิ้น ไม่สามารถถูกแบ่งหรือแยกย่อยได้ จึงยิ่งตอกย้ำความเป็นเจ้าของเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นอีกด้วย

  2. ระบุความเป็นต้นฉบับและของแท้
    นอกจากการแสดงความชัดเจนในเรื่องเจ้าของแล้ว Non-Fungible Token ยังแสดงให้เห็นถึงลักษณะของเพียงหนึ่งเดียวบนโลกออนไลน์ไว้ด้วยเทคโนโลยี Blockchain อีกด้วย ทำให้ Non-Fungible Token แต่ละชิ้นไม่สามารถถูกคัดลอก ทำซ้ำ หรือเปลี่ยนแปลงไปได้

  3. สามารถส่งต่อกันได้
    ประโยชน์ข้อนี้ของ Non-Fungible Token จะเห็นได้ชัดในวงการเกม จากแต่ก่อนที่ผู้เล่นซื้อไอเทมในเกมเพื่อเสริมตัวละคร หรือเล่นภายในเกม แต่เมื่อเลิกเล่นไปแล้ว ไอเทมที่เสียเงินซื้อไปแล้วเหล่านี้ก็ไม่สามารถนำไปทำอย่างอื่นได้ แต่เมื่อนักพัฒนาเกมได้พัฒนาเกม Non-Fungible Token ขึ้น ไอเทมต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นมาก็จะอยู่ในรูปแบบ Non-Fungible Token สามารถนำไปขายต่อในตลาดเพื่อทำกำไร หรือโอนเก็บไว้ในคลังดิจิทัลของเราได้

Non-Fungible Token กับจุดอ่อนที่ผู้ครอบครองควรคำนึง

เรารู้ข้อดีของ Non-Fungible Token ไปส่วนใหญ่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าก็มีข้อเสียหรือข้อจำกัดบางอย่าง ซึ่งอาจจะไม่ได้มีผลอะไรมาก แต่เราก็มาดูกันดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง

  1. ไม่สามารถทดแทนสิ่งที่มีอยู่จริงได้
    แน่นอนว่าการสะสมผลงานศิลปะหรือภาพวาด ส่วนใหญ่ผู้สะสมจะต้องการผลงานที่จับต้องได้ และต้องการชื่นชมผลงานของจริง แต่ Non-Fungible Token ไม่สามารถมาทดแทนในส่วนนี้ได้ ซึ่งในข้อนี้อาจจะไม่ได้ร้ายแรงมากสำหรับนักสะสมงานบางคน

  2. คุณค่าของผลงาน
    แม้ว่าข้อดีของ Non-Fungible Token คือไม่สามารถทำซ้ำ หรือคัดลอกต้นฉบับกันได้ อีกทั้งสามารถระบุได้ว่าใครเป็นเจ้าของ ในความเป็นจริงสมมุติว่าเราซื้อภาพ Non-Fungible Token มา 1 รูป เราจะได้เพียงสิทธิ์การเป็นเจ้าของ หากมีใครมาคัดลอกหรือนำรูปใช้งานบนโลกออนไลน์ก็สามารถทำได้ ดังนั้นคำถามคือ คุณค่าของงาน Non-Fungible Token คืออะไรกันล่ะ ?

  3. ราคาที่สูงเกินไปจากการซื้อ
    นอกจากค่าชิ้นงานที่ต้องจ่ายแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดจากการทำธุรกรรมซื้อ Non-Fungible Token อีกด้วย ซึ่งบางแพลตฟอร์มการซื้อขาย 1 ครั้ง จะต้องจ่ายเป็นหลักพันกันเลย

  4. กฎหมายที่ยังไม่รองรับความปลอดภัย
    แน่นอนว่าการซื้อขายในโลกออนไลน์ ยังคอยมีกฎหมายกำกับดูแล ถ้าในกรณีที่มีการใช้เงินจริง แต่กรณีของเงินดิจิทัล อย่างเหรียญคริปโตหรือ Bitcoin และ Non-Fungible Token นั้นยังไม่มีกฎหมายมารองรับความปลอดภัยในการซื้อขายได้ หากมีการโกงและทุจริต ย่อมไม่สามารถเอาผิดได้ในทางกฎหมาย แม้จะมีความปลอดภัยและการเก็บรักษาที่ดี แต่หากถูกนำมาใช้ในทางที่ไม่ดีแล้ว ก็ยังคงเป็นอันตรายได้เช่นกัน รวมไปถึงการแฮ็ค ID ของผู้สะสมเพื่อนำผลงานไปขายได้ด้วยเช่นกัน

สรุปได้ความง่าย ๆ ว่า Non-Fungible Token นั้นเหมือนการเก็บสะสมและการลงทุนในสินค้าตัวหนึ่ง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงอย่างมาก ถึงอย่างงั้นนั้นความเสี่ยงนั้น ก็ยังมีความคุ้มค่าที่พอรับได้ นอกจากนี้ Non-Fungible Token ยังเป็นหนึ่งสิ่งที่นักสะสมส่วนใหญ่ต้องการ เพราะไม่ใช่แค่การสะสมเพียงอย่างเดียว ยังมีความเป็นเอกลักษณ์และแสดงความเป็นเจ้าของได้อย่างชัดเจน อีกทั้งเราสามารถนำมาซื้อขายได้เมื่อต้องการ หรือเมื่อสินค้ามีราคาสูง

แต่อย่างไรก็ดี Non-Fungible Token ก็ยังเป็นสินทรัพย์ทางดิจิทัล ถึงจะมีความปลอดภัยในแบบโลกออนไลน์ แต่ก็ยังไม่มีกฎหมายมารองรับความปลอดภัย และขอบเขตของมันอยู่ดี เพราะอย่างนั้นหากต้องการลงทุนหรือทำเกี่ยวกับ NFT คุณต้องรักในสื่อดิจิทัลอย่างแท้จริง และยอมรับความเสี่ยงนั้นได้

Search
Categories