Readability เครื่องมือที่ช่วยให้บทความของคุณอ่านง่ายขึ้นจาก Yoast

Picture of THAITOPSEO
THAITOPSEO
Readability เครื่องมือที่ช่วยให้บทความของคุณอ่านง่ายขึ้นจาก Yoast

Readability คือฟีเจอร์เด็ดของ Yoast อีกตัวหนึ่งที่ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการวางโครงสร้างบทความให้เป็นมิตรกับผู้อ่านมากขึ้น คุณจะเห็นได้ว่าในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีเปลี่ยนไป เรามีการรับสารหรือ Content ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างมหาศาล ปัจจัยอย่างหนึ่งที่คนจะเลือกหนึ่งหรือไม่เลือกการรับข้อมูลเหล่านั้น โดยเฉพาะการสื่อสารผ่านการเขียน คือโครงสร้างที่น่าอ่านและดึงดูดใจ ซึ่งหมายความว่าการใช้เพียงแค่เนื้อหาอย่างเดียว อาจไม่ได้มัดใจผู้อ่านอีกต่อไป ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า ฟีเจอร์ตัวนี้ของ Yoast จะช่วยอะไรเราได้บ้างในการทำให้งานเขียนมีระดับไปอีกขั้น

Contents hide

ความสำคัญของ “Readability” ในการเขียน Content บนโลกออนไลน์

ความสำคัญของ Readability ในการเขียน Content บนโลกออนไลน์


ในยุคที่เทคโนโลยีและการสื่อสารเติบโตอย่างรวดเร็ว การเขียนเนื้อหาบนโลกออนไลน์จึงจำเป็นต้องมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดมากขึ้น เพราะไม่เพียงแค่ทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้คนสนใจ แต่นักเขียน นักการตลาดและเจ้าของเว็บไซต์ต้องพิจารณาความสำคัญของ “ความอ่านง่าย” เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจและนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว โดยสำหรับฟีเจอร์ “Readability” คือสิ่งที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กับสิ่งนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นความสำคัญ 4 ด้านด้วยกันที่เราจะเห็นได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น

1. เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย
“ความอ่านง่าย” หมายถึงการเขียนเนื้อหาในลักษณะที่เข้าใจได้ง่ายและไม่ซับซ้อน ผู้อ่านสามารถอ่านและเข้าใจเนื้อหาได้โดยไม่ต้องประมวลผลหนัก ซึ่งการสื่อสารที่เรียบง่ายนักการตลาดและเจ้าของเว็บไซต์ควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาทางวิชาการหรือภาษาที่ซับซ้อน พยายามถ่ายทอดข้อมูลทีล่ะขั้นตอน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเรียบเรียงข้อมูลได้อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งลักษณะการถ่ายทอดข้อมูลแบบนี้จะทำให้ผู้อ่านเกิดสมาธิและจดจ่อได้ง่ายกว่า ทำให้รู้สึกเป็นมิตรกับการรับข้อมูล ช่วยให้อยู่กับบทความของเราได้นานขึ้น

2. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหา
การอ่านที่ง่ายจะเกี่ยวข้องกับการเลือกใช้คำศัพท์ที่เหมาะสมและแสดงความหมายได้อย่างชัดเจน นักเขียนควรใช้คำที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อและเนื้อหาโดยตรง ที่สื่อถึงความหมายของเนื้อหาได้อย่างชัดเจน เพราะการใช้คำที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้ค้นหาตรงไปยังเนื้อหาที่ต้องการก็ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาของเว็บไซต์ ให้เจอข้อมูลได้เร็วและแม่นยำขึ้น

3. เพิ่มยอดแชร์
เนื้อหาที่มีความอ่านง่าย มักเป็นเนื้อหาที่น่าสนใจและถูกแชร์ออกไปในโลกออนไลน์ได้ง่ายเสมอ ให้ลองสังเกตดูว่าเนื้อหาที่ไม่ซับซ้อนจะสามารถเข้าถึงผู้คนได้ในทุกระดับ โดยเนื้อหาที่เข้าใจง่ายยังมีส่วนส่งเสริมให้ผู้คนคิดตามได้อย่างเป็นกระบวนการ และเมื่อมีความเข้าใจตรงกัน ก็มีโอกาสมากที่ผู้อ่านจะแสดงความคิดเห็นหรือพยายามที่จะสร้าง action บางอย่างต่อข้อมูลที่ได้รับและแบ่งไปให้ผู้คนในสื่อโซเชียลมีเดียของตนเองได้อ่านด้วย

4. เพื่อการทำ SEO ที่ดี
เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการทำ SEO โดยเนื้อหาที่อ่านง่ายมักจะได้รับความนิยมจากผู้อ่านโดยตรงรวมไปถึงเครื่องมือ Search engine โดยเฉพาะอัลกอริทึมของเครื่องมือการค้นหาอย่าง Google ซึ่งการใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย และการเขียนเนื้อหาที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน จะช่วยให้เนื้อหาของคุณมีโอกาสที่จะติดอันดับในผลการค้นหาที่ดีขึ้น


เห็นได้เลยว่าความสำคัญของการทำให้เนื้อหาของคุณอ่านง่าย จะช่วยให้คุณได้เปรียบในการสื่อสารมากกว่า มีหลากหลายเหตุผลที่คุณอยากจะยกระดับเนื้อหาต่าง ๆ ให้มีความน่าเชื่อถือหรือเขียนออกมาแล้วดูเป็นวิชาการ แต่บอกได้เลยว่าการเขียนทุกประเภทมักใช้งานได้ในพื้นที่ต่างกัน การรู้จุดประสงค์ว่าคุณอยากเขียนบทความเพื่ออะไร และไปลงในแพลตฟอร์มใด จะช่วยให้คุณสามารถใช้ภาษาได้เหมาะสมยิ่งขึ้น


ฟังก์ชันการวิเคราะห์ Readability ใน Yoast มีอะไรบ้าง?

ฟังก์ชันการวิเคราะห์ Readability ใน Yoast มีอะไรบ้าง


ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Yoast SEO มีคุณสมบัติการวิเคราะห์ความอ่านได้ง่ายที่ช่วยให้คุณปรับปรุงเนื้อหาของคุณให้มีความอ่านได้ง่ายและเข้าใจได้สำหรับผู้อ่านแต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่มันจะทำงานได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “ภาษาไทย” ที่ยังไม่มีการรองรับ แต่ด้วยการใช้ฟังก์ชันการวิเคราะห์ภาพรวมของบทความก็เรียกได้ว่า Yoast SEO ก็เป็นอีกตัวที่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเราจะพามาดูกันว่า ฟังก์ชันการวิเคราะห์ Readability นั้นมีอะไร แต่ช่วยเรื่องอะไรบ้างในการพัฒนาบทความของคุณ


1. คำเชื่อม (Transition words)

คำเชื่อมเป็นคำที่ใช้เชื่อมต่อประโยคหรือวลี เพื่อให้เนื้อหามีความเรียบร้อยและเป็นระเบียบมากขึ้น ใน Yoast SEO โดยคุณจะได้รับคำแนะนำในการใช้คำเชื่อม เช่น ‘อย่างสำคัญ’, ‘เพราะฉะนั้น’, ‘นอกจากนี้’ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านสามารถเชื่อมโยงความคิดระหว่างประโยคได้ดีขึ้น


2. รูปแบบการเริ่มประโยค (Sentence beginnings)

การใช้คำเริ่มต้นประโยคที่แตกต่างกัน เป็นตัวช่วยในการทำให้เนื้อหาอ่านได้ง่ายและน่าสนใจ ถ้าคุณใช้คำเริ่มต้นเหมือนกันติดต่อกันหลายประโยค อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกเบื่อหน่ายได้ง่ายทีเดียว ดังนั้นฟีเจอร์นี้จะคอยเตือนเราว่าควรที่จะเปลี่ยนคำเริ่มต้นของประโยคเพื่อสร้างความหลากหลายในเนื้อหาบ้าง


3. ความซับซ้อนของคำ (Word complexity)

การใช้คำที่ซับซ้อนหรือเป็นคำที่ไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ ทั่วไป อาจทำให้ผู้อ่านไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งฟีเจอร์นี้จะแนะนำในการระบุคำที่ซับซ้อนและให้เปลี่ยนคำเหล่านั้นให้เหมาะสมใหม่ เพื่อให้เนื้อหาของคุณเข้าใจได้ง่ายขึ้น เรียกได้ว่าจะทำให้คุณเขียนบทความที่จะช่วยให้อ่านได้ลื่นไหลนั่นเอง


4. ความยาวของย่อหน้า (Paragraph length)

การใช้ย่อหน้าที่ยาวเกินไปอาจทำให้เนื้อหาดูยากต่อการอ่าน และทำให้เนื้อหาดูเหมือนกลุ่มข้อความใหญ่ ดังนั้นคุณควรแบ่งเนื้อหาเป็นย่อหน้าที่สั้น ๆ และอย่าลืมให้ประโยคหลักของคุณมีไอเดียเกี่ยวกับการใช้ Keyword ด้วย


5. การกระจายหัวข้อย่อย (Subheading distribution)

การไม่มีหัวข้อย่อยอาจทำให้เนื้อหาดูยากต่อการอ่าน คุณคงไม่ชอบเวลาที่เนื้อหาติดกันเป็นแพ เพราะนอกจากจะทำให้เราโฟกัสไม่ได้แล้วว่าควรให้ความสำคัญกับส่วนไหนยังทำให้เนื้อหาดูน่าเบื่ออีกด้วยซึ่งใน Yoast จะมีการตรวจสอบว่าคุณใช้หัวข้อย่อยเพียงพอ เพื่อนำผู้อ่านไปในทิศทางที่ต้องการได้เหมาะสมหรือไม่ด้วยเช่นกัน


6. ความยาวของประโยค (Sentence length)

ความยาวของประโยคเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สามารถทำให้เนื้อหาดูยากต่อการอ่าน ถ้าประโยคส่วนใหญ่ของคุณยาวเกินไป – มากกว่า 20 คำ – ผู้อ่านอาจสับสนกับจุดที่คุณต้องการสื่อสาร มีสิทธิ์ที่ผู้อ่านต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่เพื่อค้นหาความหมายที่คุณจะสื่อ ซึ่งอาจเป็นการใช้พลังงานและเวลาอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ให้คุณลองรักษาจำนวนคำในประโยคให้เหมาะสม และย่อประโยคให้กระชับขึ้นก็จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเรียบเรียงข้อมูลจากการอ่านได้ง่ายขึ้น


7. การใช้งานรูปแบบกริยา Passive voice (Passive voice)

การใช้งานรูปแบบกริยาในรูป Passive voice อาจไม่มีบทบาทมากมายเท่าไหร่นักในภาษาไทย แต่การมีฟีเจอร์นี้จะสามรถวิเคราะห์ได้ว่าผู้เขียนมีการใช้คำที่กำกวมหรือมีลูกเล่นที่ยากในการเข้าถึงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากว่ามีการใช้กริยาที่ซับซ้อนมากเกินไปก็อาจสร้างการสื่อสารที่ไม่ดีได้ตามมา


ยกระดับบทความอย่างไร ให้เหนือขึ้นไปอีกขั้นผ่านงานเขียน

ยกระดับบทความอย่างไร-ให้เหนือขึ้นไปอีกขั้นผ่านงานเขียน


แน่นอนว่าลำพังการใช้ฟีเจอร์ Readability จาก Yoast อาจไม่ได้รองรับการเขียนสำหรับภาษาไทย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว แต่ยังมีอีกหลายวิธีที่เราจะทำให้บทความของเราอ่านง่ายขึ้นและมีความสร้างสรรค์มากขึ้น ซึ่งอาจจำเป็นมากกว่าการโฟกัสไปที่โครงสร้างการเขียนเสียอีก โดยสิ่งที่เราอยากให้นึกถึงประกอบไปด้วยก็คือ


1. เนื้อหาต้องมีการสื่อสารอย่างชัดเจน

เนื้อหาที่มีความอ่านง่ายจะต้องสื่อสารอย่างชัดเจนและกระชับ ใช้คำที่เข้าใจง่ายและได้ถูกใจผู้อ่าน ลองใช้สไตล์เขียนที่ไม่ซับซ้อนเกินไปและหลีกเลี่ยงภาษาทางวิชาการหรือคำศัพท์ที่ซับซ้อน เขียนให้เหมือนคุยกับเพื่อน ๆ คุยกันจะทำให้เกิดผลดีที่สุด โดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีเดียที่ต้องการความรู้สึกใกล้ชิดและเข้าถึงได้

2. การใช้หัวข้อย่อยและประโยคสั้น ๆ

การแบ่งเนื้อหาเป็นหัวข้อย่อยช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจและสแกนเนื้อหาได้ง่ายขึ้น ใช้หัวข้อย่อยในการกระจายเนื้อหาและให้ความสำคัญในข้อมูลที่สำคัญ นอกจากนี้ควรใช้ประโยคสั้น ๆ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและไม่เบื่อ

3. การเน้นตัวอักษรและรูปแบบข้อความ

การใช้ตัวอักษรที่ใหญ่โตเห็นง่าย การเน้นคำโดยใช้ตัวหนาหรือตัวเอียง การใช้สีประกอบ การสร้างรายการหรือแถบข้อความย้อนหลังเพื่อเน้นข้อมูลสำคัญ จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจและสะดวกต่อการอ่านได้มากขึ้น เป็นการชี้ให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับส่วนไหนเป็นพิเสษ

4. การใช้ตัวเลขและสถิติ

การนำเสนอข้อมูลเป็นตัวเลขและสถิติช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในเนื้อหาของคุณ ผู้อ่านมักจะเชื่อถือข้อมูลที่เป็นตัวเลขมากกว่าเพียงแค่คำบรรยายธรรดา ๆ ที่สำคัญอย่าลืม “แหล่งที่มา” เพราะจะทำให้ข้อมูลของคุณเลื่อนลอยหากไม่สามารถตรวจสอบกลับไปได้

5. การใช้บทสรุปและเนื้อหาในส่วนท้าย

ใช้บทสรุปที่กระชับเพื่อสรุปข้อมูลสำคัญในเนื้อหาของคุณ และจบบทความด้วยส่วนท้ายที่มีเนื้อหาน่าสนใจเพิ่มเติม เช่น คำแนะนำ, แหล่งข้อมูลอื่น ๆ, หรือคำอ้างอิงจะช่วยให้บทความของคุณสร้างมิติการอ่านได้ดีขึ้


บทสรุป Readability เครื่องมือช่วยให้บทความอ่านง่าย

การเขียนเนื้อหาที่มีความอ่านง่ายสามารถช่วยเพิ่มความน่าสนใจและความเข้าใจในเนื้อหาของคุณจะทำให้งานเขียนมีเสน่ห์ เมื่อผู้อ่านเข้าใจหรือมีความพึงพอใจในเนื้อหาที่คุณสื่อออกมา ก็มีโอกาสที่จะเข้าชมเว็บไซต์ของคุณอีกครั้งและพร้อมแชร์เนื้อหาของคุณกับผู้อื่นได้มากขึ้น ดังนั้นอย่าละเลยการสร้างเนื้อหาที่มีความอ่านง่ายทั้งการจัดลำดับโครงสร้างของบทความหรือการใช้คำ เพราะนี่เป็นความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความสำเร็จในโลกออนไลน์

Search
Categories